ความแตกต่างของรถโฟล์คลิฟท์แบบต่าง ๆ

ความแตกต่างของรถโฟล์คลิฟท์แบบต่าง ๆ

LPG VS ดีเซล VS ไฟฟ้า

การออกแบบการใช้พลังงานของรถโฟล์คลิฟท์แบบต่างๆ

รถโฟล์ลิฟท์เเนะนำ

มีรูปแบบแตกต่างกัน ทำให้มีราคา และสมรรถนะ รวมถึงรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันไป จึงเป็นเหตุผล สำคัญที่เราควรรู้ข้อแตกต่าง เพื่อทราบความจำเพาะของรถโฟล์คลิฟท์ในแบบต่างๆ เพื่อตัดสินใจในการเลือกใช้อย่างสมเหตุสมผล

ด้านการใช้งาน

ระบบรถฟอร์คลิฟท์ดีเซล (Diesel Forklift) ถูกออกแบบมาให้เน้นรองรับงานหนักอย่างต่อเนื่อง รองรับ ความต้องการแรงบิดสูง ซึ่งทำได้ดีในรอบต่ำ รองลงมาคือรถโฟล์คลิฟท์โพรเพน (LPG Forklift) แต่ ทั้งสองแบบก็มีข้อด้อยที่ไม่สามารถใช้งานในที่ร่มได้และไม่ถูกยอมรับให้ใช้ในอุตสาหกรรมอุปโภค รถโฟล์คลิฟท์โพรเพน (LPG Forklift) ถึงแม้จะอนุโลมให้ใช้ในร่มได้หากใช้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ไม่เป็นที่ยอมรับให้ใช้ กับสินค้าบริโภค ในขณะที่ระบบไฟฟ้าถูกใช้ในที่ร่มได้และเป็นที่ยอมรับให้ใช้ในสินค้าอุปโภคบริโภค การดูแล รักษาก็ง่าย แต่ก็มีข้อด้อยที่ไม่สามารถใช้ต่อเนื่องได้ 24 ชม. เนื่องจากการชาร์ตแบตเตอรี่ต้องใช้เวลา นานและยังมีข้อเปราะบางที่จะไม่ทนต่อสภาพภายนอกที่จะทำให้เสื่อมไว

ด้านความคุ้มค่า

รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift) มีความคุ้มค่าในระยะยาวมากที่สุด เพราะการใช้พลังงาน ไฟฟ้าเป็นต้นทุนที่ถูกที่สุด และเนื่องจากไม่มีเครื่องยนต์ความร้อนสูง ที่จะทำให้ระบบมีการสึกหรอสูง ไม่มีระบบเครื่องยนต์และเกียร์ที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายจากการถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์รวมทั้ง ระบบ หล่อเย็น เช่นหม้อน้ำ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลถูกกว่า ถ้าเทียบกับการดูแลแบตเตอรี่ แม้ตัวรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift) จะมีราคาซื้อสูงที่สุด แต่ด้วยอายุการใช้งาน และค่าใช้จ่ายระหว่างการใช้งานต่ำ จึงถือว่าประหยัดที่สุดในทุกระบบ ส่วนรถโฟล์คลิฟท์ดีเซล (Diesel Forklift) การบำรุงรักษาตามแผนโดยรวมจะน้อยเมื่อเทียบกับรถโฟล์คลิฟท์โพรเพน (LPG Forklift) ที่ถูก ออกแบบมามีความคงทนน้อยที่สุดแต่ก็มีราคาซื้อถูกที่สุดหากเทียบกับระบบอื่นๆ

ด้านความปลอดภัย

รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift) นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะถือว่าเป็นพลังงานสะอาด ขณะทำงาน ไม่มีควัน เขม่าใดๆ และเกิดเสียงน้อย ทำให้ดีต่อสิ่งแวดล้อมและดีต่อผู้ใช้เป็นอย่างมาก รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift) ยังถูกออกแบบมาให้ความโดดเด่นในความมั่นคงในการยก สินค้าก่อให้เกิดความปลอดในการใช้งานสูง ส่วนระบบแก๊สมีความเสี่ยงด้านอัคคีภัยสูงและหากเกิดขึ้นจะมีโอกาสร้ายแรงกว่าระบบอื่นและจะต้องมีการดูแลอย่างรอบคอบ เนื่องจากหากมีการรั่วไหลขณะเปลี่ยนถังอาจทำให้มีการระเบิดได้ รวมถึงการเก็บ น้ำมันดีเซลสำรองในโกดังล้วนแต่มีความเสี่ยงกว่าระบบไฟฟ้าโดยทั้งสิ้น รถโฟล์คลิฟท์ดีเซล (Diesel Forklift) ถือว่าไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมที่สุดทั้งเสียงรบกวน ควัน การสะสมความร้อน การใช้งานที่ต้องการแรงบิดสูงและ / หรืองานหนักต่อเนื่อง ทำได้ดีที่สุดในอัตรารอบต่ำ รองลงมารถโฟล์คลิฟท์โพรเพน (LPG Forklift) ระบบรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift) การเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ ย่อมต้องพิจารณาถึงหลักความปลอดภัยต่อผู้ใช้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวด ล้อมเป็นสำคัญ รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift) นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะถือว่าเป็น พลังงานสะอาด ขณะทำงาน ไม่มีควัน เขม่าใด ๆ และเกิดเสียงน้อย ทำให้ดีต่อสิ่งแวดล้อมและดีต่อผู้ใช้ เป็นอย่างมาก และได้ชื่อว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าระบบอื่นเสมอ แม้จะรวมถึงกระบวนการ รีไซเคิลแบตเตอรี่ก็ตาม ส่วนรถโฟล์คลิฟท์แบบแก๊สหรือ รถโฟล์คลิฟท์โพรเพน (LPG Forklift) และรถโฟล์คลิฟท์น้ำมันดีเซล (Diesel forklift) ยังไม่มีข้อสรุปอย่างเป็นทางการว่าไอเสียจากการสันดาป อัน ไหนสะอาดกว่า แต่ทั้งสองระบบก็ล้วนมีไอเสียที่เหลือจากระบบทั้งสิ้น